ความท้าทายหลักๆ 3 อย่าง ของการจัดการเกี่ยวกับการรับประกันสินค้า

บริษัทส่วนใหญ่มักจะคิดว่ากระบวนการจัดการการรับประกันสินค้านั้นเป็นเพียงต้นทุนที่เพิ่มขึ้น และทำให้รายได้ลดลง มีเพียงบริษัทไม่กี่แห่งเท่านั้นที่ลงทุนในการรับประกันสินค้าเพื่อปรับปรุงความพึงพอใจของลูกค้าและลดต้นทุนในส่วนนี้ด้วยการใช้ซอฟต์แวร์ช่วยในกระบวนการรับประกัน ซึ่งบริษัทต่าง ๆ ที่ลงทุนในซอฟต์แวร์การจัดการการรับประกันสินค้านั้นมีต้นทุนที่ต่ำกว่าบริษัทที่ไม่มีซอฟต์แวร์การจัดการการรับประกันที่ถูกต้องถึง 150%

หลาย ๆ บริษัทมีโซลูชันที่พวกเขาคิดว่าเหมาะสมแล้ว โดยไม่เห็นต้นทุนมหาศาลที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นแพลตฟอร์มในการจัดการต่าง ๆ มากมาย การทำงานที่ซ้ำซ้อน และจำนวนงานที่ต้องดำเนินการเองซึ่งเกี่ยวข้องกับกระบวนการรับประกันสินค้า ซึ่งโซลูชันเหล่านี้ไม่เพียงแต่ไม่คุ้มค่าเท่านั้น แต่ยังทำให้บริษัทมองไม่เห็นว่าการรับประกันสินค้านั้นเป็นโอกาสในการเพิ่มยอดขายและรายได้

ท้ายที่สุดแล้ว มันคือทั้งหมดที่เกี่ยวกับการบริการลูกค้าและประสบการณ์ของลูกค้า แต่มันจบลงเพียงแค่นั้นนะหรือ? คุณต้องมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าเพื่อซื้อซ้ำสิ เพื่อจะได้ยอดขายที่เพิ่มขึ้น

หากคุณคิดว่าคุณมีโซลูชันที่เหมาะสมสำหรับการจัดการการรับประกันสินค้าแล้ว ลองอ่านบทความเกี่ยวกับความท้าทายหลัก ๆ 3 อย่างของการจัดการเกี่ยวกับการรับประกันสินค้า ซึ่งสิ่งเหล่านี้อาจจะเป็นสิ่งที่คุณกำลังเผชิญอยู่ก็เป็นได้

1. กระบวนการเกี่ยวกับการรับประกันที่ยุ่งยากสำหรับลูกค้า

ในปัจจุบัน ขั้นตอนพื้นฐานของการลงทะเบียนการรับประกันนั้นอาจจะยุ่งยากสำหรับลูกค้า ทำให้ลูกค้าไม่สนใจในการลงทะเบียนรับประกันสินค้า/ยกเลิกการลงทะเบียนกลางคัน หรือถ้าไม่ยุ่งยากก็อาจจะเป็นกระบวนการที่น่าเบื่อหรือเป็นกระบวนการที่ใช้กระดาษเป็นหลัก พอสินค้ามีปัญหา ต้องการเคลมหรือส่งซ่อมแต่กลับหาใบรับประกันสินค้าไม่เจอซะนี่

สิ่งนี้นำไปสู่ความคับข้องใจของลูกค้า และอาจจะทำให้คุณสูญเสียโอกาสในการทำให้ลูกค้ารายนี้เป็นลูกค้าขาประจำสำหรับธุรกิจของคุณ เมื่อลูกค้าไม่พอใจกับผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ ก็อาจจะมีโอกาสสูงที่ลูกค้าจะไม่ซื้อซ้ำจากแบรนด์เดียวกัน

จากการสำรวจพบว่า 78% ของลูกค้าเลิกซื้อสินค้าเนื่องจากประสบการณ์ของลูกค้าที่ไม่ดีเกี่ยวกับ after-sale service ดังนั้น การลงทุนในซอฟต์แวร์จัดการการรับประกันทำให้การลงทะเบียนการรับประกันของลูกค้าสามารถทำได้โดยง่ายและคุ้มค่าต่อการลงทุน

ซึ่งระบบรับประกันสินค้าของเบิร์ธโน๊ต สามารถตอบโจทย์นี้ได้ ด้วยการติด QR Code รับประกันสินค้าที่ตัวอุปกรณ์หรือบรรจุภัณฑ์ เมื่อลูกค้าซื้อสินค้าไปแล้วสามารถลงทะเบียนรับประกันสินค้าด้วยตนเอง โดยการสแกน QR Code แล้วกรอกข้อมูลส่วนตัวต่าง ๆ เพื่อเหตุผลในการรับประกันสินค้า สามารถเชื่อมต่อระบบรับประกันสินค้าของเบิร์ธโน๊ตเข้ากับ Line OA ของบริษัท ทำให้ลูกค้าไม่จำเป็นต้องดาวน์โหลดแอพพลิเคชันเพื่อเข้าถึงระบบของเบิร์ธโน๊ต

บริษัทสามารถใส่ลิ้งค์คู่มือการใช้งานอุปกรณ์ซึ่งอาจจะเป็นลิ้งค์เข้าสู่เว็บไซต์หรือวิดีโอยูทูปก็ได้ ทำให้บริษัทไม่จำเป็นจะต้องพิมพ์คู่มือการใช้งานที่เป็นแผ่นกระดาษออกมา สามารถประหยัดต้นทุนในส่วนนี้ได้ นอกจากนี้ ข้อมูลที่ลูกค้ากรอกเข้ามาจะถูกจัดเก็บอย่างเป็นระเบียบในระบบหลังบ้าน

2. การคีย์ข้อมูลด้วยตัวเองและการทำงานที่ซ้ำซ้อน

พนักงานในสำนักงานของคุณกำลังป้อนข้อมูลการรับประกันสินค้าทั้งหมดที่รวบรวมโดยแหล่งภายนอกด้วยตนเองหรือไม่?

โซลูชันการรับประกันสินค้าที่มีอยู่ของคุณ ณ ปัจจุบัน กำลังดำเนินการแบบนี้อยู่หรือเปล่า ข้อมูลที่รวบรวมจากและจัดเก็บไว้ในหลายแพลตฟอร์มที่มาจากหลายแหล่ง อาจจะนำไปสู่การดำเนินการจัดการในจำนวนมาก ๆ ซึ่งอาจจะส่งผลให้กระบวนการจัดเก็บข้อมูลช้าลงและมีโอกาสเกิดข้อผิดพลาดสูง

โดยการจัดการการรับประกันที่เหมาะสมนั้น เราจะต้องทำให้กระบวนการทั้งหมดนี้เป็นแบบอัตโนมัติและใช้เทคโนโลยีที่ดีที่สุดเพื่อให้บริษัทมีข้อมูลเชิงลึกของลูกค้า และระบบรายงานอันชาญฉลาดเพื่อนำไปใช้ในการิเคราะห์เพื่อปรับปรุงผลิตภัณฑ์และการบริการ

ซึ่งสิ่งนี้สามารถลดค่าใช้จ่ายในการรับประกันลงอย่างมาก นอกจากนี้ยังสามารถทำให้การเคลมสินค้าเป็นเรื่องที่ไม่ยาก ทำให้ลูกค้าของคุณได้รับประสบการณ์ที่ดีในการเรียกร้องในการรับประกัน และจูงใจให้ลูกค้าซื้อซ้ำจากแบรนด์ของคุณอีกในอนาคต

3. ข้อจำกัดของรายงานและขาดข้อมูลเชิงลึก

เมื่อใดก็ตามที่เราพูดถึงเกี่ยวกับการรายงานผลหรือการวิเคราะห์ข้อมูล เรามักจะพบกับความยุ่งยากในการจัดการข้อมูลต่าง ๆ เหล่านี้ ลองคิดดูซิว่าถ้าเราจะทำรายงานเกี่ยวกับปัญหาที่ลูกค้าพบเจอ ในช่วงระยะเวลารับประกันสินค้า 6 เดือนที่ผ่านมา เราจะใช้เวลายาวนานขนาดไหนในการรวบรวมข้อมูลเพื่อนำมาสรุปและจัดเรียงในรูปแบบของตารางหรือกราฟ

การจัดทำรายงานเกี่ยวกับปัญหาที่ลูกค้าพบเจอในการใช้อุปกรณ์นั้น เรามักจะมีปัญหาในการจัดเก็บข้อมูลของสินค้า แนวโน้มต่าง ๆ รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับการแจ้งเคลม ซึ่งถูกจัดเก็บไว้ในระบบและรูปแบบที่หลากหลาย ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลามากเกินไปในการรวมเข้าเป็นรายงานที่กระชับ

ความสามารถที่จำกัดเหล่านี้ส่งผลให้รอบระยะเวลาการเคลมนานขึ้น และในที่สุดก็อาจจะมีการร้องเรียนจากลูกค้าที่ยกระดับจากการร้องเรียนทั่วไป เป็นการร้องเรียนถึงระดับผู้จัดการมากขึ้น อันเนื่องมาจากความไม่พอใจในความไม่คืบหน้าในการแก้ปัญหา

เบิร์ธโน๊ตเห็นปัญหาในจุดนี้ จึงได้จัดทำระบบหลังบ้านเพื่อจัดเก็บข้อมูลต่าง ๆ ให้เป็นระเบียบ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลส่วนตัวของลูกค้า ข้อมูลรับประกันสินค้า และข้อมูลการเคลมสินค้าไว้ในแพลตฟอร์มเดียวแบบบูรณาการ ทำให้บริษัทสามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว สามารถดูข้อมูลโดยรวมของลูกค้าและวิเคราะห์แนวโน้มพฤติกรรมของลูกค้าได้

เป็นยังไงกันบ้า กับฟีเจอร์เด็ด ๆ ที่สามารถแก้ปัญหาให้ธุรกิจของคุณดำเนินไปอย่างราบรื่น ทั้งยังสามารถเก็บข้อมูลทางการตลาด ติดปีกผลกำไรให้ธุรกิจคุณ ลองใช้ QR Code ของเบิร์ธโน๊ตสิคะ รับรองว่าจะติดใจ

หากสนใจ QR Code ของเบิร์ธโน๊ต เพื่อเพิ่มกำไรแบบปัง ๆ ให้ธุรกิจของคุณ ลองโทรมาพูดคุย หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมก่อนได้นะ ติดต่อได้ที่ โทร 099-564-5947, 096-142-9547 หรืออีเมล [email protected] เพื่อให้เราติดต่อกลับ

Contact Us
for consultant

We are happy to provide consulting services to all businesses
OTHER BLOGS

Other News & Articles

Contact us for advice on collecting customer data and increasing sales.