
Customer Segmentation คือการแบ่งกลุ่มลูกค้าซึ่งจะช่วยให้เรารู้ว่าลูกค้าเราคือใคร และสามารถทำความเข้าใจลูกค้าแต่ละกลุ่มได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ทำให้เรารู้ว่าความต้องการของลูกค้ามีอะไรบ้าง สื่อสารอย่างไรให้เหมาะสม จนสามารถกระตุ้นให้ซื้อสินค้าและบริการได้
โดยปกติแล้วเราสามารถจัดกลุ่มลูกค้าเป็น 4 ประเภทดังนี้
1. Demographics หรือ ข้อมูลสถิติประชากร (ข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับลูกค้า)
เป็นการแบ่งกลุ่มข้อมูลที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะเป็นข้อมูลที่ตรงตัวที่เกี่ยวกับลูกค้ามากที่สุด ไม่ว่าจะเป็น เพศ อายุ สถานะสมรส อาชีพ รายได้ การศึกษา ทำให้ง่ายต่อการกำหนดกลุ่มเป้าหมาย แต่อาจจะมีข้อเสียในการปรับปรุงโฆษณา เนื่องจากมีการอ้างอิงเพียงสถิติประชากร

2. Geographics หรือ ข้อมูลเชิงภูมิศาสตร์
เป็นการแบ่งกลุ่มลูกค้าตามประเทศ จังหวัด ลักษณะเขตที่อยู่ ซึ่งทำให้เรารู้จักลูกค้ามากขึ้น นอกเหนือไปจากข้อมูลด้านสถิติประชากร โดยลูกค้าที่อยู่ในพื้นที่ต่างกันก็อาจจะมีความต้องการที่ต่างกันไปด้วย

3. Phychologics หรือ ข้อมูลด้านทัศนคติหรือความคิด
ข้อมูลประเภทนี้มักจะเป็นข้อมูลที่หาและเก็บได้ยาก มากจะต้องมีการทำ Research เพื่อให้เข้าใจมากขึ้น เช่น ความเชื่อ ความสนใจ ไลฟ์สไตล์ ลักษณะนิสัย ความต้องการส่วนตัว ซึ่งข้อดีของข้อมูลประเภทนี้คือ ง่ายต่อการกำหนกกลุ่มเป้าหมาย ทำให้สามารถทำการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

4. Behavioral หรือ ข้อมูลด้านพฤติกรรมลูกค้า
เป็นการทำความเข้าใจพฤติกรรมต่าง ๆ ของลูกค้า เช่น พฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอย การใช้สินค้าและบริการ ฯลฯ โดยการใช้เครื่องมือ Analytics หลาย ๆ อย่าง มักจะเน้นการใช้ข้อมูลเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นการหา Top Spenders หรือ Top Frequent Buyer ซึ่งทำให้เราสามารถกำหนดได้ว่าควรสื่อสารในช่องทางไหนที่ทำให้สามารถเพิ่มยอดขายและกำไรได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น พฤติกรรมของลูกค้าเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ทำให้เราต้องคอยอัพเดทข้อมูลด้านพฤติกรรมลูกค้าให้ทันปัจจุบัน

แน่นอนว่าการแบ่งกลุ่มลูกค้าทั้ง 4 วิธี คงไม่มีวิธีไหนดีที่สุด หรือต้องเลือกว่าจะใช้วิธีใดวิธีหนึ่ง เนื่องจากข้อมูลแต่ละประเภทก็มีคุณลักษณะที่สำคัญในการกำหนดกลุ่มเป้าหมาย
ระบบของเบิร์ธโน๊ตสามารถรองรับการเก็บข้อมูลลูกค้าทั้ง 4 ประเภทนี้ได้ ด้วยการติดสติ๊กเกอร์ QR Code ลงบนผลิตภัณฑ์ เมื่อลูกค้าทำการสแกน QR Code แล้ว ก็สามารถตรวจเช็คสินค้าแท้และสามารถกรอกข้อมูลเพื่อลุ้นรางวัลหรือสะสมแต้ม ตามที่แบรนด์จัดทำขึ้น โดยแบรนด์ต่าง ๆ สามารถกำหนดรายละเอียดข้อมูลที่จะให้ลุกค้ากรอก รวมถึงแบบสอบถามทางการตลาดต่าง ๆ โดยใช้การชิงรางวัลหรือการสะสมแต้มเป็นสิ่งตอบแทนในการให้ข้อมูล แบรนด์สินค้าสามารถดูข้อมูลเหล่านี้ได้แบบเรียลไทม์จากระบบหลังบ้าน โดยมีลักษณะเป็น Interactive Dashboard ซึ่งง่ายต่อการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก
เป็นยังไงกันบ้างคะ กับตัวช่วยที่สามารถเก็บข้อมูลทางการตลาด ติดปีกผลกำไรให้ธุรกิจคุณ ลองใช้ QR Code ของเบิร์ธโน๊ตสิคะ รับรองว่าจะติดใจ
แลกเปลี่ยนความคิดเห็น
สำหรับช่องข้อมูลที่ทำเครื่องหมาย (*) อีเมลของท่านจะไม่ถูกเผยแพร่