Consumer Journey ในอุดมคติ ต้องเป็นอย่างไร

“นาย ก ต้องการซื้อกล้อง DSLR เขาจึงทำการค้นหาใน Google และได้มารู้จักกับกล้อง Canon จากนั้นนาย ก ก็ไปที่เว็บไซต์ Canon ตรวจสอบ 2-3 หน้าและลืมมันไป ไม่กี่วันต่อมา นาย ก เห็นโฆษณากล้องตัวเดียวกันบน Facebook เขาจึงคลิกที่โฆษณา จากนั้นจึงเพิ่มลงในรถเข็นและตัดสินใจซื้อในภายหลัง หลังจากถามเพื่อนของเขา วันอาทิตย์ต่อมา นาย ก ได้รับอีเมลจากเว็บไซต์เดียวกันพร้อมส่วนลด 5% สำหรับกล้องรุ่นเดียวกันในช่วงเวลาจำกัด ข้อเสนอนี้ทำให้นาย ก ตื่นเต้นและตัดสินใจที่จะรับข้อเสนอและซื้อมันในที่สุด ต่อมา นาย ก ได้บอกให้ลูกพี่ลูกน้องของเขาซื้อโมเดลเดียวกับที่เขาประทับใจในคุณภาพของภาพที่ถ่ายด้วยกล้องตัวนั้น ทั้งคู่เริ่มคลิกรูปที่น่าประทับใจและกลายเป็นช่างภาพประจำปีของ National Geographic”

เรื่องนี้เคยเกิดขึ้นกับคุณไหม? แอดมินมั่นใจว่ามันจะมีแน่นอน! 

และนี่คือ Consumer Journey ที่เกิดขึ้นในยุคดิจิทัลด้วย Touch Point ที่หลากหลาย ตั้งแต่การมีปฏิสัมพันธ์ครั้งแรกกับแบรนด์ไปจนถึงการซื้อครั้งสุดท้ายหรือแม้กระทั่งหลังการซื้อในรูปแบบของบริการหลังการขายและนี่คือ Consumer Journey ที่เกิดขึ้นในยุคดิจิทัลด้วย Touch Point ที่หลากหลาย ตั้งแต่การมีปฏิสัมพันธ์ครั้งแรกกับแบรนด์ไปจนถึงการซื้อครั้งสุดท้ายหรือแม้กระทั่งหลังการซื้อในรูปแบบของบริการหลังการขาย

“การตลาด 5A” หรือ “The Five A’s” ได้อธิบายไว้ในหนังสือ “Marketing 4.0” ของ Philip Kotler อย่าเพิ่งคิดว่าล้าสมัย ตอนนี้เค้าไป “Marketing 5.0” กันแล้ว แต่ที่ไหนได้ วิชาปรมาจารย์ทางด้านหารตลาดอย่าง  Philip Kotler ยังสามารถนำกลับมาใช้ได้อยู่

“การตลาด 5A” ที่กล่าวมาแล้ว ประกอบด้วย Aware → Appeal → Ask → Act → Advocate เรามาเริ่มเจาะลึกแต่ละตัวกันเลย

1. Aware การสร้างการรับรู้ถึงการมีอยู่ของแบรนด์ให้กับลูกค้า

เป็นการรับรู้ในครั้งแรกของผู้มีโอกาสที่จะเป็นลูกค้ากับแบรนด์ กลุ่มนี้อาจเจอแบรนด์ผ่าน Ads การแนะนำจากเพื่อน หรือการ Search ด้วยตัวเอง แต่นี่คือความประทับใจแรกของแบรนด์ที่มีต่อลูกค้า การรับรู้ในครั้งแรกนี้ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของผู้มีโอกาสเป็นลูกค้า จากนั้นกลุ่มนี้จะก้าวไปสู่ขั้นต่อไป ในตัวอย่าง นาย ก Search หากล้องใน google และเจอเวปไซต์ Cannon นั่นเอง

2. Appeal การที่ลูกค้าเริ่มให้ความสนใจและความต้องการสินค้าหรือบริการของแบรนด์

หากสร้าง Aware ได้ดีในขั้นตอนแรก นั่นคือ Ads น่าสนใจเพียงพอ ผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าจะย้ายไปยังขั้นตอนที่สอง นั่นคือ Appeal ผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าเกิดความประทับใจในสินค้า บริการของแบรนด์ และต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมต่อไป

3. Ask การหาข้อมูล สอบถาม ประกอบการตัดสินใจของลูกค้า 

หากสินค้าหรือแบรนด์ยังคงความน่าตื่นเต้นไว้ได้ ก็จะทำให้เกิดความอยากรู้อยากเห็นในใจของผู้มีโอกาสเป็นลูกค้า และกระตุ้นให้เขาถามและต้องการรู้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสินค้า โดยการติดต่อทางแบรนด์ในช่องทาง Social media  เช็ครีวิว เข้าเวปไซต์ ไปที่ร้าน ในตัวอย่าง นาย ก เลือกที่จะถามเพื่อนที่เป็นช่างภาพเกี่ยวกับกล้องก่อนตัดสินใจซื้อ

4. Act การตัดสินใจซื้อและเข้าใช้บริการของลูกค้า

หากแบรนด์ทำ Ads ได้ดี ผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าจะถูกดึงดูดเข้ามาแม้ว่าจะถามคำถามมากมายก็ตาม ในที่สุดผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าก็ทำการซื้อและกลายเป็นลูกค้า ซึ่งเป็นไปได้ทั้งซื้อทางออนไลน์และออฟไลน์ ในตัวอย่าง นาย ก พอใจตัดสินใจซื้อทางออนไลน์จากการได้รับส่วนลดทางอีเมล

5. Advocate การแปลงลูกค้าที่มีความจงรักภักดีต่อแบรนด์ให้กลายเป็นผู้ที่คอยแนะนำแบรนด์ต่อให้กับลูกค้ารายอื่น ๆ

นี่คือขั้นตอนสุดท้าย หลังจากซื้อสินค้าหรือบริการแล้ว ลูกค้าจะตรวจสอบว่าสินค้าตรงตามความคาดหวัง หรือบริการหลังการขายของสินค้าดีเพียงพอหรือไม่ ประสบการณ์นี้จะสร้างความเห็นในใจของลูกค้า หากลูกค้าพอใจกับการซื้อในที่สุดเขาก็จะกลายเป็นผู้สนับสนุนแบรนด์ กลายเป็นผู้โฆษณาของแบรนด์ หมายถึง ลูกค้าจะบอกต่อด้วยรีวิวที่ดีเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ ดึงดูดลูกค้ามากขึ้น ในทางกลับกันหากลูกค้าไม่พอใจ ก็อาจเขียนรีวิวที่ไม่ดีเพื่อไม่ให้เพื่อนหรือคนอื่นซื้อ ในตัวอย่าง นาย ก พอใจกับการซื้อ จึงบอกให้ลูกพี่ลูกน้องของเขาซื้อรุ่นเดียวกันด้วย

การมีปฏิสัมพันธ์ของลูกค้าในแต่ละขั้นตอนทำให้เราเข้าใจว่าแบรนด์ สินค้าหรือบริการ ทำในสิ่งที่ถูกหรือผิด

ตัวอย่างเช่น หลังจากขั้นตอน “Act” หากจำนวนคนที่เข้าสู่ขั้นตอน “Advocate” ลดลง นั่นหมายความว่า สินค้าของเราไม่ดีพอและลูกค้าไม่พอใจซึ่งจะทำให้ Brand Loyalty ลดลง

ลองดูอีกตัวอย่างหนึ่ง สมมุติว่ามีคนอยู่ในขั้น “Ask” สูงกว่า ขั้นตอน “Appeal” และต่ำกว่าในขั้นตอน “Act” นั่นอาจหมายความว่า Ads หรือการสื่อสารของเราไม่เคลียร์ ซึ่งทำให้ผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าของเราถามและค้นคว้าเพิ่มเติมเองเกี่ยวกับสินค้าของเรา สุดท้ายสินค้ายังไม่เป็นไปตามที่พวกเขาคาดหวัง ดังนั้น จำนวนคนที่อยู่ในขั้น “Act” จึงยิ่งลดลง

ในบางครั้งลูกค้าอาจจะข้ามบางขั้นหรือวนกลับไปมาได้ เช่น การซื้อสินค้าง่ายๆ ที่ข้ามขั้นตอน “Ask” ไปซื้อเลยเพื่อความรวดเร็ว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบรนด์ด้วยว่าให้ข้อมูลที่ชัดเจนมากน้อยขนาดไหน

ทั้งนี้ Consumer Journey อุดมคตินั้นอยู่ในรูป Bow Tie (Aware → Appeal → Ask → Act → Advocate) ที่สามารถเปลี่ยนลูกค้า “Aware” ให้กลายเป็น “Advocate“ ได้ทั้งหมด และสามารถเปลี่ยนลูกค้า “Appeal” ทั้งหมดให้กลายมาเป็น “Act” ขั้นตอน “Ask” น้อยยิ่งดี เพราะฉะนั้น สิ่งที่แบรนด์ต้องทำ คือ พยายามปรับสัดส่วนลูกค้าให้เป็นไปตาม Bow Tie ให้ได้มากที่สุด

Reference: Marketing 4.0, Panasm.com

หากท่านสนใจบริการของเบิร์ธโน๊ตสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร 099-564-5947, 096-142-9547 หรืออีเมล [email protected] เพื่อให้เราติดต่อกลับ

Birth Note

Contact Us
for consultant

We are happy to provide consulting services to all businesses
OTHER BLOGS

Other News & Articles

Contact us for advice on collecting customer data and increasing sales.

Privacy Overview

This website uses cookies so that we can provide you with the best user experience possible. Cookie information is stored in your browser and performs functions such as recognising you when you return to our website and helping our team to understand which sections of the website you find most interesting and useful.