เจาะลึก Data-Driven Marketing แบรนด์ที่มีชื่อเสียงในวงการ Fast Fashion

ในอุตสาหกรรมแฟชั่นที่มีการแข่งขันสูงในปัจจุบัน การสร้างชื่อแบรนด์ให้ประสบความสำเร็จต้องใช้กลยุทธ์ Data-Driven โดยการเก็บข้อมูลจากช่องทาง e-commerce, social media, และการเปลี่ยนแปลงความต้องการของลูกค้า (customer preference) แบรนด์ต่าง ๆ ในเอเชีย จึงใช้ประโยชน์จากการวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อทำความเข้าใจตลาดกลุ่มเป้าหมาย เพิ่มประสิทธิภาพการขยายทางการตลาด และการเติบโตอย่างยั่งยืน

บทความนี้จะเล่าถึงพลังของ Data-Driven ในบริบทของแบรนด์ในตลาด Fast Fashion และเน้นย้ำถึงความสำเร็จของแบรนด์ต่าง ๆ ที่หลายคนรู้จักเป็นอย่างดี คือ Zara, Uniqlo และ H&M ที่ใช้ข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจของเขา

บทบาทของ Data-Driven ในวงการแฟชั่น

เป็นการใช้ประโยชน์จากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ และเทคนิคการวิเคราะห์ เพื่อการตัดสินใจและเพิ่มประสิทธิภาพของกลยุทธ์ทางการตลาด ซึ่งในอุตสาหกรรมแฟชั่น แนวทางนี้ช่วยให้แบรนด์ได้รับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความชอบของลุกค้า เทรนด์สำหรับซีซันต่อไป และสร้าง personalized experiences ในช่องทาง e-commerce แบรนด์ต่าง ๆ สามารถเข้าใจ target audience ได้ดีขึ้น เพิ่มการมีส่วนร่วมของลูกค้า และเพิ่มยอดขายและความภักดีต่อแบรนด์ในที่สุด

1. Zara

Zara แบรนด์แฟชั่นสัญชาติสเปน ได้ขยายตลาดไปทั่วเอเชียโดยใช้ Data-Driven วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า จากประวัติการซื้อ พฤติกรรมการเข้าเว็บไซต์ และการโต้ตอบบนโซเชียลมีเดีย เพื่อทำความเข้าใจความต้องการและนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องให้กับลูกค้า วิธีการที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลของ Zara ช่วยให้พวกเขาสามารถวิเคราะห์และตอบสนองต่อเทรนด์แฟชั่นที่เกิดขึ้นใหม่ได้อย่างรวดเร็ว ทำให้มั่นใจได้ว่าคอลเลกชันของพวกเขาจะสอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า

ตัวอย่างวิธีการใช้ Data-Driven ของ Zara

รูปภาพจาก https://www.datapine.com/dashboard-examples-and-templates/retail

ใช้ข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภค: Zara รวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ รวมถึงการซื้อของลูกค้า การโต้ตอบบนโซเชียลมีเดีย และพฤติกรรมการท่องเว็บออนไลน์ ข้อมูลนี้ให้มีข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความชอบของลูกค้า ช่วยให้ Zara เข้าใจว่าสไตล์ สี และการออกแบบใดที่โดนใจกลุ่มเป้าหมาย

วิเคราะห์เทรนด์: ทีมวิเคราะห์ข้อมูลของ Zara ติดตามเทรนด์แฟชั่นอย่างใกล้ชิด ทั้งทางออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อดูสไตล์ที่เกิดขึ้นใหม่ ด้วยการใช้ประโยชน์จากการวิเคราะห์ข้อมูลและการพยากรณ์แนวโน้ม Zara สามารถตอบสนองความต้องการด้านแฟชั่นล่าสุดได้อย่างรวดเร็วและสร้างคอลเลกชันที่สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า

Agile Supply Chain: พวกเขาใช้ข้อมูลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการสินค้าคงคลัง เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ยอดนิยมพร้อมจำหน่ายในร้านค้า และลดความเสี่ยงของสินค้าล้นสต็อกหรือสินค้าหมดสต็อก Agile Supply Chain นี้ช่วยให้ Zara ปรับตัวเข้ากับความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วและมีสินค้าแฟชั่นใหม่ ๆ ได้อย่างรวดเร็ว

Personalization: Zara ใช้ประโยชน์จากข้อมูลลูกค้าเพื่อมอบประสบการณ์ที่เป็นส่วนตัว ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์และ Loyalty Program พวกเขาเสนอคำแนะนำตามความชอบส่วนบุคคลและประวัติการซื้อ วิธีการเฉพาะบุคคลนี้ช่วยเพิ่มความพึงพอใจและกระตุ้นการซื้อซ้ำของลูกค้าด้วย

2. Uniqlo

Uniqlo ผู้ค้าปลีกเครื่องแต่งกายของญี่ปุ่นประสบความสำเร็จอย่างน่าทึ่งด้วย Data-Driven Marketing จากการวิเคราะห์ข้อมูลการขาย แนวโน้มของตลาด และความคิดเห็นของลูกค้า Uniqlo ปรับสินค้าให้เหมาะกับตลาดเอเชียโดยเฉพาะ นอกจากนี้ Uniqlo ยังใช้การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการสินค้าคงคลัง เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้ายอดนิยมพร้อมจำหน่ายและลดการสต็อกสินค้า กลยุทธ์ Data-Driven ของ Uniqlo จึงมีบทบาทสำคัญในการขยายตัวอย่างรวดเร็วทั่วเอเชีย

วิธีการใช้ Data-Driven ของ Uniqlo

รูปภาพจาก https://faq-vn.uniqlo.com/articles/en_US/FAQ/UQVN-Store-Service-Questionnaire

Market Segmentation: Uniqlo เข้าใจถึงความหลากหลายของตลาดในเอเชียและใช้การวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อแบ่งส่วนฐานลูกค้า ด้วยการแยก demographics และความชอบของพวกเขา Uniqlo ปรับการนำเสนอผลิตภัณฑ์และข้อความทางการตลาดให้สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกัน วิธีการที่แปลเป็นภาษาท้องถิ่น ช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วมของลูกค้าและกระตุ้นยอดขาย

Data-Backed Design: Uniqlo รวบรวมคำติชมจากลูกค้าผ่าน customer surveys และวิเคราะห์การสนทนาทางโซเชียลมีเดีย เพื่อทำความเข้าใจความชอบและความต้องการของพวกเขา กระบวนการออกแบบที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลนี้ช่วยให้ Uniqlo สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองรสนิยมและไลฟ์สไตล์ที่ไม่เหมือนใครของผู้บริโภคชาวเอเชียได้เป้นอย่างดี

การเพิ่มประสิทธิภาพสินค้าคงคลัง: Uniqlo ใช้การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการสินค้าคงคลัง โดยการวิเคราะห์ข้อมูลการขาย พวกเขาจพแนกสินค้าและขนาดที่ได้รับความนิยมสูงสุดในแต่ละตลาด ข้อมูลนี้ช่วยให้มั่นใจได้ถึงระดับสินค้าคงคลังที่เหมาะสมและลดต้นทุนการถือครองสินค้าคงคลังในขณะเดียวกันก็ตอบสนองความต้องการของลูกค้าด้วย

Cross-Channel Integration: Uniqlo ผสานรวมช่องทางออนไลน์และออฟไลน์อย่างไร้รอยต่อ พวกเขาใช้ประโยชน์จากข้อมูลลูกค้าเพื่อมอบประสบการณ์ที่สอดคล้องและเป็นส่วนตัวผ่าน touchpoints ต่าง ๆ ตัวอย่างเช่น ลูกค้าสามารถเรียกดูและซื้อสินค้าออนไลน์ จากนั้นรับหรือคืนสินค้าที่หน้าร้านได้อย่างราบรื่น

3. H&M

H&M เป็นแบรนด์เสื้อผ้าของสวีเดน ใช้ประโยชน์จาก Data-Driven Marketing เพื่อจับตลาดเอเชีย ด้วยการจัด Consumer Segmentation และการวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า H&M จำแนกกลุ่มเป้าหมายและปรับแต่งแคมเปญการตลาดให้เหมาะกับกลุ่ม demographics นอกจากนี้ H&M ยังทำโซเชียลมีเดียเพื่อดึงดูดลูกค้า ใช้ Influencer และ User-generated content เพื่อสร้างความฮือฮาให้กับแบรนด์ ความคิดริเริ่มด้านการตลาดที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลของ H&M มีส่วนสนับสนุนความแข็งแกร่งของพวกเขาในเอเชียได้มากเลยทีเดียว

วิธีการใช้ Data-Driven ของ H&M

Customer Segmentation: H&M ดำเนินการแบ่งกลุ่มลูกค้าอย่างกว้างขวางโดยใช้ข้อมูล demographics ประวัติการซื้อ และการวิเคราะห์พฤติกรรม สิ่งนี้ช่วยให้พวกเขาเข้าใจกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกันและปรับการตลาดให้เหมาะกับกลุ่มเฉพาะ ด้วยการนำเสนอแคมเปญที่ตรงเป้าหมายและข้อเสนอเฉพาะบุคคล

การมีส่วนร่วมในโซเชียลมีเดีย: H&M มีส่วนร่วมกับลูกค้าอย่างแข็งขันผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย พวกเขาใช้ประโยชน์จากการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อระบุผู้มีอิทธิพลยอดนิยม ติดตามความรู้สึก และเข้าใจความต้องการของลูกค้า ด้วยการร่วมมือกับผู้มีอิทธิพลและใช้เนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้น H&M สร้างความฮือฮาให้กับแบรนด์ของพวกเขา กระตุ้นการรับรู้และการมีส่วนร่วม

Omnichannel Experience: H&M ผสานรวมช่องทางออนไลน์และออฟไลน์อย่างไร้รอยต่อ เพื่อมอบประสบการณ์การช็อปปิ้งแบบ Omnichannel พวกเขาใช้ประโยชน์จากข้อมูลเพื่อเสนอคำแนะนำเฉพาะบุคคล เปิดใช้งานการเปลี่ยนระหว่างร้านค้าออนไลน์และหน้าร้านจริงอย่างราบรื่น และรับประกันประสบการณ์แบรนด์ที่สอดคล้องกันผ่านช่องทางติดต่อลูกค้า

Performance Tracking: H&M ใช้การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อติดตามประสิทธิภาพของแคมเปญการตลาดทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ พวกเขาติดตามผล KPI เช่น อัตรา Conversion ต้นทุนการได้มาซึ่งลูกค้า และมูลค่าตลอดอายุการใช้งานของลูกค้า Data-Driven นี้ช่วยให้พวกเขาสามารถเพิ่มประสิทธิภาพกลยุทธ์ทางการตลาด จัดสรรทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุน หรือ ROI ได้สูงสุด

จะเห็นได้ว่า First-party data ที่รวบรวมโดยตรงจากลูกค้าหรือผู้ใช้ที่มีปฏิสัมพันธ์กับช่องทางหรือ touchpoints ของแบรนด์เอง ข้อมูลนี้ถือว่ามีความน่าเชื่อถือและมีค่ามาก เนื่องจากมาจากปฏิสัมพันธ์ของแบรนด์กับลูกค้าโดยตรง

แอดมินขอสรุปวิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลของทั้ง 3 แบรนด์ข้างต้นแบบเข้าใจง่าย ดังนี้

  1. Online Transactions แบรนด์รวบรวมข้อมูลจากการซื้อของลูกค้าโดยตรงผ่านเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์ม e-commerce อย่างเป็นทางการ ซึ่งรวมถึงข้อมูลต่าง ๆ เช่น ประวัติการซื้อ รายละเอียดการสั่งซื้อ และที่อยู่ในการจัดส่ง
  2. Customer Accounts & Loyalty Programs แบรนด์ให้ลูกค้าสร้างบัญชีหรือเข้าร่วม Loyalty Program การทำเช่นนี้ ลูกค้าจะให้ข้อมูลจริง เช่น demographics รายละเอียดการติดต่อ การตั้งค่า และบางครั้งอาจให้ข้อมูลเพิ่มเติม เช่น สไตล์การแต่งตัว สัดส่วน เป็นต้น
  3. Website & App Analytics แบรนด์ต่าง ๆ ใช้เครื่องมือวิเคราะห์เว็บและแอป เช่น Google Analytics หรือแพลตฟอร์มการวิเคราะห์ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของตน เช่น Power BI เพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมของลูกค้า ซึ่งรวมถึงการติดตามการดูหน้าเว็บ อัตราการคลิกผ่าน ระยะเวลาเซสชัน และอัตราการแปลง การวิเคราะห์เหล่านี้ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการโต้ตอบกับลูกค้า ผลิตภัณฑ์ยอดนิยม และประสิทธิภาพของเว็บไซต์หรือแอปโดยรวม
  4. Customer Surveys & Feedback แบรนด์ต่างๆ Customer Surveys แบบฟอร์มคำติชม หรือขอรีวิวผลิตภัณฑ์ เพื่อรวบรวมข้อมูลเชิงลึกของลูกค้า สิ่งเหล่านี้สามารถจัดการได้ทางออนไลน์หรือผ่านแคมเปญอีเมล ช่วยให้แบรนด์ต่าง ๆ สามารถรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับความพึงพอใจในผลิตภัณฑ์ ความพึงพอใจ และประสบการณ์การช้อปปิ้งได้อีกด้วย
  5. In-Store Interactions สำหรับแบรนด์ที่มีร้านค้าจริง พวกเขาอาจรวบรวมข้อมูลผ่านการโต้ตอบกับลูกค้าในร้านค้า ซึ่งรวมถึงการใช้บัตรสะสมคะแนนของลูกค้า ระบบ POS หรือ Beacons เพื่อติดตามการซื้อ การตั้งค่า และจัดเก็บการเข้าชมนั่นเอง

สรุป

ด้วยการใช้ประโยชน์จากวิธีการรวบรวมข้อมูลเหล่านี้ สามารถรวบรวมข้อมูลเชิงลึกอันมีค่าเกี่ยวกับลูกค้า แนวโน้มของตลาด และความชอบของลูกค้าได้ ข้อมูลนี้ทำหน้าที่เป็นรากฐานสำหรับกลยุทธ์ Data-Driven Marketing ช่วยให้สามารถตัดสินใจได้อย่างรอบรู้และส่งมอบ personalized experiences ที่ตรงใจกลุ่มเป้าหมายที่สุด

ท่านที่กำลังสนใจเรื่องการเก็บข้อมูลและการวิเคราะห์ข้อมูล ปรึกษาเราได้ที่ โทร 099-564-5947, 096-142-9547 หรืออีเมล [email protected] เพื่อให้เราติดต่อกลับ

Contact Us
for consultant

We are happy to provide consulting services to all businesses
OTHER BLOGS

Other News & Articles

Contact us for advice on collecting customer data and increasing sales.

Privacy Overview

This website uses cookies so that we can provide you with the best user experience possible. Cookie information is stored in your browser and performs functions such as recognising you when you return to our website and helping our team to understand which sections of the website you find most interesting and useful.